
โซเชียลเกาะติด #อภิปรายไม่ไว้วางใจ แซะ ‘ไพบูลย์-สิระ-ปารีณา’ รับบทนางเบรก ศึกซักฟอก
https://www.matichon.co.th/social/news_2581365
โซเชียลเกาะติด #อภิปรายไม่ไว้วางใจ แซะ ‘ไพบูลย์-สิระ-ปารีณา’ รับบทนางเบรก ศึกซักฟอก
นับตั้งแต่เปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในเช้าของวันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ ความวุ่นวายก็เริ่มมาเยือน
โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ลุกขึ้นหารือถ้อยคำในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีถ้อยคำเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมืองทันที
นายชวน ชี้แจงกรณีการบรรจุญัตติตอนหนึ่งว่า เรื่องญัตติแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เราเคยมีญัตติเนื้อหาทำนองนี้มาแล้วในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยมีมาแล้ว เพียงแต่ถ้อยคำต้องไม่ละเมิดตามมาตรา 6 เรื่องนี้ผมบรรจุผมต้องรับผิดชอบ ถ้าวันข้างหน้าบังเอิญ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ผมก็ต้องรับผิดชอบ
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวบางช่วงบางตอนว่า หากญัตติเขียนแล้วอ่านญัตติไม่ครบก็เหมือนกับยอมรับว่าคำวินิจฉัยของประธานไม่ชอบ และการบรรจุญัตติครั้งนี้ผิด พวกเราทำไม่ได้ ก็คงจะต้องอาศัยบารมีประธานและจุดยืนของประธาน เรียนว่าไม่สบายใจจริงๆ แต่จำเป็นต้องยึดหลักเอาบรรทัดนี้ไว้ให้คนรุ่นหลัง และการอภิปรายเราเตือนกันอยู่แล้ว และมีความรับผิดชอบสูงอยู่แล้วว่า เรื่องอย่างนี้ควรไม่ควร ทุกคนต้องตระหนักและยกไว้เป็นวุฒิภาวะเบื้องสูง
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงญัตติที่เสนอมานั้นมีข้อความที่มีปัญหา ไปเกี่ยวข้องกับสถาบัน กระบวนการที่พยายามให้แก้ไขก็ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ก็ได้รับการยืนยันจากพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ประสงค์จะแก้ไขญัตติดังกล่าว ตนจึงไม่มีหนทางอื่น จึงต้องเสนอเป็นญัตติด่วน เพื่อขอให้สภามีมติขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิฉัยปัณหาหน้าที่และอำนาจของสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 (2) เพื่อพิจารณาญัตติที่ปรากฏข้อความนำสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมืองนั้นสภาจะมีอำนาจดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งสภารับญัตติดังกล่าวไปแล้ว และบรรจุในระเบียบวาระแล้ว และเห็นว่าหากให้ผู้นำฝ่ายค้านอ่านญัตติดังกล่าวมีปัญหาเพราะเป็นการกระทำต้องห้ามที่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ด้าน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันที่หารือร่วมกันทางผู้นำฝ่ายค้านรับปากในที่ประชุมว่า ญัตตินี้ก็ไม่สบายใจและสะเทือนใจ ยินดีกลับไปแก้ไข ตนจึงได้กราบที่ตักท่าน แต่หลังจากออกนอกห้องผู้นำฝ่ายค้านได้รับโทรศัพท์จากดูไบ ให้บรรจญัตติให้ได้ ดังนั้น เรื่องนี้ผู้นำฝ่ายค้านโดนแทรกแซงจากต่างประเทศ ตนรับไม่ได้ หากวันนี้กล่าวถึงสถาบันตนก็จะขอปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักของประชาชน “ผมขอประท้วง”
จากนั้น น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอประท้วงนายชวน โดยขอให้ทำหน้าที่เป็นกลาง เมื่อฝ่ายค้านพูดให้พูดเต็มที่ แต่ฝ่ายรัฐบาลท่านกลับให้พอได้แล้ว เพราะว่าวันนี้รัฐสภากลายเป็นเวทีหนึ่งที่เปิดให้จาบจ้วงสถาบัน ดังนั้นขอให้ฟังฝ่ายรัฐบาลด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
9 ความเห็น
อานนท์ นำภา
จดหมายจากเพื่อน
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคุณจุลลเจิม ยุคล ผลของการข่มขู่ศาลโดยการอ้างสถาบันของคุณได้ผล ตอนนี้ศาลไม่ให้สิทธิประกันตัวพวกเราที่เรียกร้องประชาธิปไตยและคงจำคุกอีกนานจนกว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลง
คุกกักขังและพรากเสรีภาพไปจากเราแต่ไม่สามารถพรากความคิดฝันถึงบ้านเมืองที่มีเสรีภาพมีความเท่าเทียม คุกอาจขังหนึ่งเม็ดฝนได้ แต่ไม่อาจขังพายุที่กำลังก่อตัวได้ พวกเราเชื่อมั่นในเพื่อนๆทุกคนว่าการขังพวกเราจะเป็นส่วนหนึ่งของใบเสร็จแห่งความอยุติธรรม และเป็นเชื้อไฟให้เราลุกขึ้นสู้ร่วมกันอีกครั้ง
ความยากลำบากในคุกคงยากที่จะบรรยายแต่คงเทียบไม่ได้กับความยากลำบากในการต่อสู้ของคนข้างนอก
พวกเราข้างในหวังว่าเพื่อนๆจะมีพลังใจในการต่อสู้และเราขอให้สัญญาว่าจะรักษาพลังใจให้เข้มแข็งเพื่อออกไปสู้ร่วมกันอีกครั้ง
“ให้มันจบที่รุ่นเรา”
พริษฐ์ ชิวารักษ์
อานนท์ นำภา
ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
16 กุมภาพันธ์ 2564
เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ แดน 2 ห้อง 7
https://prachatai.com/journal/2021/02/91700
หน้าตาคนแถลง 3 คนนั่น...ไม่น่าเชื่อว่าคิดได้แค่นั้น.....ตอนนี้รู้สึกอายบ้างหรือยังไม่รู้นะ
ไอ้อีสอสอ 3 ตัวเห้